ตำนานพระอินทร์ถูกฤาษีทุรวาสสาป

ตำนานพระอินทร์ถูกสาป เพราะพวงมาลัย

พระอินทร์ต้องสาปให้เสื่อมฤทธิ์ รบกับอสูรให้พ่ายแพ้ทุกครั้งไป

ตำนานพระอินทร์ถูกสาป เป็นเรื่องของพระอินทร์ผู้เป็นจอมราชันแห่งสรวงสวรรค์ครั้นอดีตกาล เสด็จออกประพาสพักผ่อนบนโลกมนุษย์ หลังจากเสร็จภารกิจ (ก่อนหน้านี้พระอินทร์ได้ทำสงครามกับเหล่าอสูรและแทตย์ โดยได้ทำการสังหารวฤตาสูร ซึ่งเป็นอสูรชั้นพราหมณ์ จึงบังเกิดบาปติดตัวจนไม่สามารถหาทางกลับสวรรค์ได้ กระทั่งได้รับพระเมตตาจากพระศิวะจนสามารถกลับมาปกครองสวรรค์ได้ดังเดิม) ช่วงเวลาเดียวกันนั้น มหาฤๅษีทุรวาส ก็ได้ออกท่องเที่ยวอยู่ในบริเวณนั้นด้วย โดยเมื่อมหาฤๅษีทุรวาสได้รับถวายพวงมาลัยมาจากนางเมนะกาแล้วนำพวงมาลัยมาสวมที่คอแล้ว มหาฤๅษีทุรวาสก็เกิดอาการประหลาด เปลี่ยนจากฤๅษีที่มีโทสะร้ายอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นฤๅษีที่อารมณ์ดี ร่าเริง กระโดด เต้นแร้งเต้นกาไปทั่ว แล้วฤๅษีทุรวาสมาเจอกับพระอินทร์ที่กำลังทรงช้างเอราวัณผ่านมา จึงกลับคืนสติ ทำให้คิดว่าพวงมาลัยนี้ไม่เหมาะกับตนที่อยู่ในเพศพราหมณ์ จึงได้นำพวงมาลัยนั้นถวายแด่พระอินทร์ซึ่งเป็นเทพเจ้าวรรณะกษัตริย์

เหตุให้พระอินทร์ถูกสาป

เมื่อมหาฤๅษีทุรวาสถวายพวงมาลัยแก่พระอินทร์ ครั้นพระอินทร์จะไม่รับก็กระไรอยู่ ด้วยฤๅษีทุรวาสตนนี้เป็นมหาฤๅษีที่ดุร้าย เป็นที่ทราบกันดีทั้งสามโลก หากมีผู้ใดทำอะไรให้ไม่เป็นที่พึงพอใจ ผู้นั้นมักจะถูกฤๅษีตนนี้สาปแช่ง พรอินทร์จึงตัดสินใจรับการถวายพวงมาลัยนั้นไว้ แล้วนำไปวางไว้บนตะพองช้างเอราวัณ พลันช้างทรงนั้นก็เกิดอาการประหลาดคลุ้มคลั่งขึ้น เอางวงยกขึ้นจับพวงมาลัยนั้นทิ้งลงพื้นแล้วกระทืบจนพวงมาลัยนั้นแหลกเละไปต่อหน้าฤๅษีทุรวาส เมื่อเป็นดังนั้น ฤๅษีทุรวาสบังเกิดเดือดดาลโทสะขึ้น กล่าวว่าพระอินทร์นั้นทรงดูหมิ่นไม่ให้เกียรติตน จึงเอ่ยปากสาปพระอินทร์ว่า ให้พระอินทร์และเหล่าเทวดาผู้เป็นบริวารนั้นเสื่อมฤทธิ์ลง แม้ต้องรณรงค์กับอสูรครั้งใด ก็ขอให้พ่ายแพ้ทุกครั้งไป เมื่อข่าวเรื่องพระอินทร์ถูกมหาฤๅษีทุรวาสสาป ล่วงรู้ถึงฝ่ายพวกแทตย์และอสูร จึงไม่รอช้ารีบรวบรวมทัพบุกขึ้นโจมตีสวรรค์เพื่อครอบครองในทันที โดยมีอสุรินทร์ราหูเป็นแม่ทัพ รบกันได้ไม่นาน พระอินทร์และบรรดาเทวดาที่ต้องคำสาปตามตำนานพระอินทร์ถูกสาป จึงทำให้พ่ายแพ้แก่เหล่าอสูรโดยง่าย บ้างก็ต้องหลบลี้หนีกาย แปลงร่างเป็นสัตว์ไปหลบซ่อน บ้างก็ถูกจับเป็นเชลยมารับใช้ บ้างก็ถูกสังหาร

พระอินทร์ล้างคำสาป

พระอินทร์และเหล่าเทวดาที่หนีรอดมาได้ จึงรีบตรงไปยังไวกูณฐ์โลกเพื่อขอความช่วยเหลือจากพระนารายณ์ ด้วยเมตตาพระนารายณ์ จึงทำพิธีกวนเกษียรสมุทร (กวนน้ำอมฤต) เพื่อช่วยล้างคำสาปของมหาฤๅษีทุรวาส และเพื่อเพิ่มพลังของเหล่าเทวดาให้กลับคืนมา อีกทั้งยังจะทำให้เหล่าเทวดานั้นเมื่อดื่มกินน้ำอมฤตแล้วจะมีความเป็นอมตะอีกด้วย โดยพระนารายณ์ออกอุบายว่า ให้เหล่าเทวดานั้นแสร้งทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตนยอมรับว่าต้อยต่ำกว่าพวกเหล่าอสูรก่อน แล้วให้ชักชวนพวกอสูรให้มาร่วมกวนน้ำอมฤตกันเพื่อความเป็นอมตะของทั้ง 2 ฝ่าย โดยให้พักเรื่องสงครามกันไว้ชั่วคราวก่อน ให้หันมาปรองดองกันชั่วขณะ แล้วช่วยกันรีบออกจัดหาโอสถสมุนไพรมาเพื่อใช้ในการทำน้ำอมฤต

เหล่าอสูรก็หลงกลด้วยอยากมีความเป็นอมตะเช่นกัน และคิดว่าพวกตนนั้นก็เป็นต่อเหล่าเทวดาอยู่ แม้การกวนน้ำอมฤตเสร็จ พวกตนก็จะต้องได้ดื่มกินน้ำอมฤตในจำนวนมากก่อน เศษที่เหลือเพียงน้อยนิดค่อยแบ่งให้เหล่าเทวดาได้ดื่มกินทีหลัง เมื่อมองเห็นดังนั้นจึงตกลงที่จะร่วมกวนน้ำอมฤตในพิธีกวนเกษียรสมุทรกับเหล่าเทวดา แล้วต่างฝ่ายต่างออกระดมเก็บโอสถสมุนไพรที่จะนำมาใช้ในการกวนน้ำอมฤตในทันที ครั้นได้ฤกษ์กวนน้ำอมฤต ณ กลางเกษียรสมุทร มหาเทพทั้ง 3 อันได้แก่ พระพรหม พระนารายณ์และพระศิวะ ได้มาปรากฏองค์เป็นประธานในพิธี ฝ่ายเหล่าเทวดาและอสูรต่างก็ทยอยขนเอาโอสถสมุนไพรที่จัดหามาทั้งหมดเทลงในเกษียรสมุทรในทันที (เกษียรสมุทรนี้ตั้งอยู่ในทิศตะวันออกของจักรวาล มีน้ำสีขาว คือเกษียรแปลว่าน้ำนม ไหลเต็มอยู่ตลอดปี)

พระนารายณ์ จึงมีเทวบัญชาให้เหล่า เทวดาและอสูรไปถอนเอาภูเขา “มันทระ” (मन्दरा – MANDARA) ซึ่งมีความสูงพ้นพื้นดิน 11,000 โยชน์ และหยั่งฐานรากอยู่ใต้ดินอีก 11,000 โยชน์ มาปักกลางเกษียรสมุทรเพื่อใช้เป็นไม้กวน แล้วทรงมีเทวบัญชาให้ “พญานาควาสุกรี” (ผู้เป็นพี่ของพญาเศษะ(พญาอนันตนาคราชหรือพญานาคพันเศียรที่เป็นแท่นบรรทมของพระนารายณ์เวลาประทับอยู่เหนือเกษียรสมุทรหรือนารายณ์บรรทมสินธุ์) มาพันวนรอบภูเขานี้เพื่อใช้เป็นดั่งเชือกปั่นให้แกนภูเขาหมุนกวนตัวยาสมุนไพรและน้ำในเกษียรสมุทรให้เข้ากัน แล้วออกอุบายว่า ให้เทวดาฉุดด้านหางและอสูรฉุดด้านหัว เพราะด้านหัวพญานาคต้องใช้กำลังมากจึงต้องอาศัยผู้มีฤทธิ์เดช เวลานั้นพวกอสูรก็ทะนงตัวว่ามีอานุภาพเกรงไกรฝ่ายเทวดาเองก็ทำตามอุบายของพระนารายณ์ที่โอนอ่อนตามพวกอสูรจึงหลงกลพากันไปฉุดทางหัวซึ่งลำบากกว่าเพราะการกวนใช้เวลานานมากพญานาคต้องเหนื่อยและล้าเพราะถูกฉุดอยู่ตลอดเวลาเมื่อทนไม่ไว้ก็จะคายพิษออกมาที่หนึ่งไปถูกอสูรตายไปเป็นจำนวนมาก บ้างก็ปวดแสบปวดร้อน จึงเป็นเหตุให้เหล่าอสูรมีหน้าตาผิวพรรณตะปุ่มตะป่ำนับแต่นั้นเป็นต้นมา

เวลานั้นเองเขามันทระที่เป็นไม้กวนถูกใช้กดลงไปแรงเกินไปซึ่งอาจทำให้พื้นทะลุลงไปยังโลกมนุษย์ พระนารายณ์จึงแบ่งภาคอวตารมาเป็นเต่ากูรมะ ใช้กระดองของตนรองรับแรงกระแทกจากเขามัทระ มิให้พื้นทะลุและทำให้โลกแตกได้ ปางนี้มีชื่อว่า กูรมาวตาร (कूर्म अवतार – KURMA AVATAR)

ในระหว่างการกวนน้ำอมฤตมีอสูรปลาตนหนึ่งคิดร้ายหวังจะทำลายโลกจึงมาคอยตอดทำลายเขาให้พังลงมา พระนารายณ์ในร่างเต่าจึงเข้าสังหารอสูรปลามิให้มาขวางการกวนน้ำอมฤต ในระหว่างการกวนน้ำอมฤตซึ่งใช้เวลานานมากจึงบังเกิดน้ำอมฤตและสรรพสิ่งวิเศษรวม 14 อย่างผุดขึ้นมา ตามตำนานพิธีกวนเกษียรสมุทร

Leave a comment