พระนารายณ์อวตาร 10 ปาง เทพเทวดาเทพเจ้า

พระนารายณ์อวตาร 10 ปาง

พระนารายณ์หรือพระวิษณุ อวตารปราบกลี

ทศาวตาร พระนารายณ์อวตาร ๑๐ ปาง เพื่อปราบมาร

เทพหรือพระเป็นเจ้าสูงสุดของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แตกต่างกันไปแต่ละนิกาย บ้างก็ว่าพระพรหมเป็นเทพเจ้าสูงสุดบ้าง พระศิวะบ้าง พระนารายณ์หรือพระวิษณุบ้าง พระแม่อุมาเทวีบ้าง

ศาสนิกมีความเชื่อว่าพระเป็นเจ้าของเหล่าศาสนิก คือ พระเป็นเจ้าแต่ละองค์เคยจุติลงมาเกิดในโลกมนุษย์ โดยการลงมาเกิดในโลกมนุษย์นี้เรียกว่า อวตาร (Avatar)

อวตารของพระเป็นเจ้าที่พูดถึงบ่อยที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดคือ อวตารของพระนารายณ์อ(พระวิษณุ) ทั้งสองเป็นองค์เดียวกันจะเรียกชื่ออย่างไรก็ได้ พระนารายณ์จะแบ่งภาค (อวตาร) ลงมาบนโลกมนุษย์เพื่อปราบมาร เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ให้พ้นจากยุคเข็ญอยู่บ่อยครั้ง แต่ที่เป็นอวตารหลักคือ ทศาวตาร (Dashavatara) หรือ อวตารทั้งสิบของพระนารายณ์

ในปรณัมเทวตำนานฮินดู มีมารตนหนึ่ง ชือว่า “กลี” ซึ่งทางฮินดูถือว่าเป็นการจุติของสรรพสิ่งที่เป็น “อธรรม” ความชั่วร้ายต่างๆ เกิดขึ้น จาก กลี การอวตารของพระวิษณุ หรือพระนารายณ์นั้น ก็เพื่อมาปราบอวตารของมาร “กลี” พระนารายณ์ทรงเป็นที่พึ่งในยามที่เกิดเรื่องคับขัน บ้านเมืองมีภัยพิบัต การเกิดกลียุค จากบรรดามารและความชั่วร้ายต่างๆ ความเคารพ ศรัทธาพระนารายณ์ไม่เคยเสื่อมคลายและยังคงเพิ่มขึ้น เพราะองค์มหาเทพพระนารายณ์ช่วยขจัดปัดเป่าบรรดาสิ่งชั่วร้ายต่างๆให้หมดไป

การอวตารครั้งที่แปดของพระวิษณุหรือพระนารายณ์ ก่อนที่จะอวตารเป็นพระโคตมพุทธเจ้า ซึ่งก็คือ “กฤษณะอวตาร” นั้น เป็นการอวตารมาเพื่อช่วยนำทางเหล่ามนุษย์ฝ่ายธรรม คือ ฝ่ายปาณฑพ ปราบปรามมนุษย์ฝ่ายอธรรม คือ ฝ่ายเการพ ซึ่งนำโดย ทุรโยธน์ ที่เป็นการกลับชาติมาเกิดของมาร “กลี” นั่นเอง

พระนารายณ์อวตาร 10 ปาง

พระนารายณ์อวตารทั้งสิบปางนี้เป็นการอวตารที่สำคัญที่สุดของพระนารายณ์ ในการอวตารแต่ละปางของพระนารายณ์ จะเป็นการอวตารมาเพอปราบปรามความชั่วร้ายของ กลี ทั้งสิ้น ซึ่งการอวตารทั้ง 10 ปาง มีดังต่อไปนี้

พระนารายณ์อวตารปางที่ 1 มัตสยาวตาร หรือมัสยาอวตาร (Matsya)

พระนารายณ์อวตารเป็น ปลา เพื่อช่วยเหลือมวลมนุษย์และสัตว์ให้พ้นจากน้ำท่วมโลก

อวตารแรกของพระนารายณ์หรือพระวิษณุ คือ ปลามัสยา (Matsya) พระวิษณุอวตารเป็นปลา (บางตำนานกล่าวว่า มนุษย์ครึ่งคนครึ่งปลา) มาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ชื่อ มนุ (Manu) ให้พ้นจากน้ำท่วมใหญ่

ในคัมภีร์พระเวทเล่าว่า มนุได้ช่วยเหลือปลาเล็กๆตัวหนึ่ง ปลาตัวนี้คือมัสยา มนุได้เลี้ยงดูมัสยาให้เติบโตจนกลายเป็นปลาใหญ่ และได้ช่วยเหลือให้ออกสู่มหาสมุทร มัสยาตอบแทนมนุด้วยการบอกว่ากำลังจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ ให้มนุสร้างเรือเตรียมไว้ เมื่อถึงวันนั้นให้มนุนำเรือไปผูกกับเขาของมัสยา (เป็นปลาที่มีเขา)

มนุได้ปฏิบัติตามคำสั่งของมัสยา เขาได้นำเหล่าญาติพี่น้อง บรดาาสรรพสัตว์และพืชต่างๆ ขึ้นเรือที่สร้างเตรี่ยมไว้ เมื่อเกิดน้ำท่วม มัสยาก็มาถึง เขาได้ผูกเรือไว้กับเขาของมัสยา ท้ายที่สุดแล้วมัสยาลากเรือของมนุไปที่เทือกเขาหิมาลัยอันเป็นที่สูงที่สุด มนุได้ตั้งหลักปักฐานลงที่นั่นและได้สืบเผ่าพันธุ์มนุษย์ สัตว์ และพืชในเวลาต่อมา

พระนารายณ์อวตารปางที่ 2 กูรมาวตาร หรือกูรามะอวตาร (Kurma)

พระนารายณ์อวตารเป็น เต่า เพื่อช่วยแหลือหล่าเทวะและอสูรในพิธีกวนเกษียรสมุทร

อวตารที่สองของพระนารายณ์หรือพระวิษณุ คือ เต่ากูรมะ (Kurma) พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นเต่า (บางตำนานกล่าวว่า มนุษย์ครึ่งคนครึ่งเต่า) เพื่อรองรับจักรวาลในพิธีกวนเกษียรสมุทร เรื่องนี้ก็เหมือนกับเรื่องมัสยาในแง่ที่ว่า ดั้งเดิมแล้วเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพระนารายณ์ และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เทพเจ้าลงมาช่วยเหลือมนุษย์เมื่อโลกเกิดปัญหา ซึ่งมีตอนหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์ ตอนพิธีกวนเกษียรสมุทร

บางตำนานพิธีกวนเกษียรสมุทร กล่าวว่า กูรมะ แปลงร่างเป็นหญิงสาวชื่อ โมหินี เพื่อขัดขวางบรรดายักษ์และมารทั้งหลาย ที่ต้องการแบ่งน้ำทิพย์อมตะจากพิธีกวนเกษียรสมุทร โมหินีทำได้สำเร็จเหล่ายักษ์และมาร จึงไม่เป็นอมตะทำให้สามารถปกป้องโลกเอาไว้ได้

พระนารายณ์อวตารปางที่ 3 วราหาวตาร หรือวราหะอวตาร (Varaha)

พระนารายณ์อวตารเป็น หมูป่า เพื่อปราบ หิรัณยากษะ และเพื่อยุติการประลองพลังอำนาจของ พระศิวะ และพระพรหม

อวตารที่สามของพระนารายณ์ มีสองตำนานหลัก ๆ คือ

1) เพื่อปราบอสูรนาม “หิรัณยากษะ” ซึ่งลักเอาแผ่นธรณีไปโดยการม้วนแล้วเหน็บไว้ที่ข้างกาย

2) เพื่อยุติการประลองพลังอำนาจกันระหว่าง พระศิวะ และ พระพรหม

อวตารที่สามของพระนารายณ์หรือพระวิษณุ คือ วราหะ (Varaha) พระวิษณุอวตารลงมาเป็นมนุษย์ที่มีศีรษะเป็นหมูป่า เพื่อปราบอสูรตนหนึ่ง ที่มีชื่อว่า หิรัณยากษะหรือหิรันตยักษ์ ที่ม้วนเอาโลกไป แต่เดิมเรื่องนี้กล่าวว่าพระเป็นเจ้าที่ลงมาอวตารคือ พระพรหม แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้เปลี่ยนเป็นพระวิษณุ

หิรันตยักษ์เป็นยักษ์ที่มีอานุภาพมาก มันได้กดขี่เทพีแห่งโลกอย่างเทพีภูเทวี และยังได้ข่มเหงเหล่ามนุษย์โลกมากมาย พระนารายณ์ (พระวิษณุ) จึงอวตารลงมาเป็น วราหะ มนุษย์ครึ่งคนครึ่งหมูป่า วราหะได้ดำดิ่งลงไปใต้น้ำเพื่อช่วยเหลือเทพีภูเทวีออกมา และสังหารหิรันตยักษ์เสียด้วยการฟาดด้วยตะบอง

หิรัณยกศิปุมีฤทธานุภาพมาก เขาไม่สามารถถูกสังหารได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ทั้งจากภายนอกและภายใน และทั้งจากเทพเจ้า มนุษย์ ปีศาจ และ สัตว์ เพราะเขาได้รับพรจากพระพรหม อสูรตนนี้เริ่มจะไล่ล่าสังหารผู้ที่นับถือพระนารายณ์ ด้วยความแค้นเคืองพระนารายณ์อวตารเป็น วราหะ(หมูป่า) มาสังหารพี่ชายของตน

พระนารายณ์อวตารปางที่ 4 นรสิงหาวตาร (Narasimha)

พระนารายณ์อวตารเป็น นรสิงห์ เพื่อปราบอสูรนาม “หิรัณยกศิปุ” ผู้เป็นน้องชายของ “หิรัณยากษะ”

อวตารที่สี่ของพระนารายณ์หรือพระวิษณุ คือ นรสิงห์ (Narasimha) พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นมนุษย์ครึ่งคนครึ่งสิงโต เพื่อสังหารอสูรหิรัณยกศิปุ ผู้เป็นน้องชายของหิรันตยักษะ ที่ถูกวราหะสังหารไปแล้ว

หิรัณยกศิปุมีฤทธานุภาพมาก เขาไม่สามารถถูกสังหารได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ทั้งจากภายนอกและภายใน และทั้งจากเทพเจ้า มนุษย์ ปีศาจ และ สัตว์ เพราะเขาได้รับพรจากพระพรหม อสูรตนนี้เริ่มจะไล่ล่าสังหารผู้ที่นับถือพระนารายณ์ ด้วยความแค้นเคืองพระนารายณ์อวตารเป็น วราหะ(หมูป่า) มาสังหารพี่ชายของตน

พระนารายณ์ จึงอวตารมาเป็นนรสิงห์ ซึ่งเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ นรสิงห์ต่อสู้กับยักษ์ตนนี้ในเวลาพลบค่ำ (ครึ่งกลางวันครึ่งกลางคืน) โดยนรสิงห์สังหารหิรัณยกศิปุที่ขอบลานบ้าน (ครึ่งในบ้านและนอกบ้าน) และยังมีครึ่งๆ อีกมากมาย ทำให้สุดท้ายแล้วหิรัณยกศิปุถูกนรสิงห์สังหารในที่สุด เพราะพรของพระพรหมไม่ได้ห้ามการถูกสังหารแบบครึ่งๆ กลางๆ พระนารายณืจึงสามารถปกป้องโลกไว้ได้อีกครั้งหนึ่ง

พระนารายณ์อวตารปางที่ 5 วามนาวตาร หรือวนามะอวตาร (Vamana)

พระนารายณ์อวตารเป็น พราหมณ์แคระ เพื่อปราบอสูรนาม “พลี” หรือ “พาลี” ผู้เป็นเหลนของ “หิรัณยกศิปุ”

อวตารที่ห้าของพระนารายณ์หรือพระวิษณุ คือวนามะ (Vanama) พระนารายณ์อวตารมาเป็นพราหมณ์แคระชื่อวนามะ เพื่อสังหารมหาบาลี พญายักษ์ ผู้ใช้พลังมหาศาลในการควบคุมจักรวาล และปรับเปลี่ยนมันอย่างที่ใจต้องการ มีอยู่วันหนึ่งมหาบาลีได้จัดให้มีพิธีบวงสรวงและบูชายัญและทำการแจกจ่ายสิ่งของมากมาย วนามะก็ได้รับแจกด้วย มหาบาลีเสนอว่าเขาสามารถมอบความร่ำรวยและทุกสิ่งที่วนามะต้องการ วนามะกลับตอบว่าเขาต้องการที่ดินแค่ชั่วสามก้าวเดินเท่านั้น มหาบาลีเห็นว่าสิ่งที่วนามะเรียกร้องมันจิ๊บจ๊อยมาก มหาบาลีจึงประกาศว่าจะมอบให้วนามะ

ทันใดนั้นวนามะขยายร่างของตนเองให้ใหญ่เทียบเท่ากับจักรวาล ในก้าวแรกเขาเหยียบลงที่โลกทั้งดวง ในก้าวที่สองสวรรค์ทั้งปวง ในก้าวที่สามทั่วทั้งนรกภูมิ ในก้าวที่สามเขาได้เหยียบที่ศีรษะของมหาบาลีด้วย ทำให้มหาบาลีลงไปสู่นรกในที่สุด

พระนารายณ์อวตารปางที่ 6 ปรศุรามาวตาร (Parashurama)

พระนารายณ์อวตารเป็น พราหมณ์ผู้ใช้ขวานวิเศษเป็นอาวุธ เพื่อปราบ “พระเจ้าอรชุน” กษัตริย์ผู้ก่อยุคเข็ญและทำลายล้างศาสนา

อวตารที่หกของพระนารายณ์หรือพระวิษณุ คือ ปรศุราม (Parashurama) พระนารายณ์อวตารมาเป็นพราหมณ์ชื่อ ปรศุราม (มีอีกชื่อว่า ภควาจารย์) เพื่อลงมาปราบกษัตริย์ผู้ชั่วช้านามว่า “อรชุน” ซึ่งมี 1,000 มือ ปรศุรามาวตาร ถือว่าเป็นปางแรกของพระวิษณุในช่วงทวาปรยุค ซึ่งเป็นยุคที่ 3 จากทั้งหมด 4 ยุคตามความเชื่อของศาสนาฮินดูอันได้แก่ สัตยยุค เตรตายุค ทวาปรยุค กลียุค โดยพราหมณ์ปรศุรามมีอาวุธคือขวานวิเศษ ซึ่งพระศิวะเป็นผู้ประทานให้แก่ปรศุราม ต่อมาปรศุรามได้ใช้ขวานนี้สังหารกษัตริย์อรชุน (กรรตวีรยะ)

หลังจากการสังหารกษัตริยอรชุน หรือ กรรตวีรยะ แล้ว โอรสของกษัตริย์อรชุนทราบข่าว จึงพิโรธเป็นอย่างมาก เดินทางไปแก้แค้นให้พระบิดาด้วยการสังหารฤๅษีชมทัคนี ผู้เป็นบิดาของปรศุราม จนถึงแก่ความตาย เมื่อปรศุราม เห็นร่างของบิดาที่ถูกสังหาร พร้อมกับสภาพของบ้านของตนที่ถูกทำลาย จึงเกิดความรู้สึกโกรธแค้น และได้สัญญาเอาไว้ว่าจะเป็นปฏิปักษ์ต่อกษัตริย์ทั้งโลกา พร้อมกับนำขวานคู่ใจเดินทางไปสังหารโอรสของกษัตริย์อรชุน พร้อมทั้งเหล่าเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายที่เป็นผู้ชาย จะยกเว้นราชินีและเชื้อพระวงศ์ที่เป็นผู้หญิงไว้ ซึ่งปรศุรามได้ทำอย่างนี้ถึง 21 ครั้ง ก่อนที่จะวางขวานและบำเพ็ญเพียรเพื่อไถ่บาป

เพื่อสังหารวรรณะกษัตริย์พระนาม “พระเจ้าอรชุน” หรือ “พระเจ้าสหัสอรชุน” ผู้มีใบหน้า 1พันหน้า ผู้ก่อยุคเข็ญและทำลายล้างศาสนา ในขณะที่กดขี่วรรณะอื่นอย่างหนัก โดยเฉพาะกษัตริย์ที่ชื่อกรรตวิรยะอรชุน

พราหมณ์ปรศุราม เชี่ยวชาญในการใช้อาวุธทุกรูปแบบ โดยเฉพาะขวาน เขาสามารถสังหารกรรตวิรยะอรชุนได้สำเร็จ วรรณะกษัตริย์ที่หยิ่งผยองทั่วทั้งโลก แต่ไม่มีใครต้านทานได้เลย  และได้ท้าต่อสู้กับปรศุราม ปรศุรามจึงได้สังหารวรรณะกษัตริย์จนแทบหมดสิ้นทั้งโลก ด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในพวกที่มีอายุเป็นอมตะ (Chiranjivi) เขาจึงมีชีวิตอยู่ถึงยุคมหาภารตะ เขาเป็นอาจารย์ของกรรณะ แต่เป็นผู้สาปให้กรรณะหลงลืมวิชาความรู้ทั้งหมดเมื่อต้องการใช้มันเป็นที่สุด คำสาปนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อรชุนสามารถสังหารกรรณะได้สำเร็จ

พระนารายณ์อวตารปางที่ 7 รามาวตาร หรือ รามอวตาร (Rama)

พระนารายณ์อวตารเป็น พระราม เพื่อปราบทศกัณฐ์

อวตารที่เจ็ด อวตารเป็นพระราม หรือ ราม บ้างก็ว่า รามจันทราวตาร กษัตริย์แห่งอโยธยา เพื่อปราบอสูรนาม “ราวณะ” หรือ “ราพณ์” หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม “ทศกัณฐ์” กษัตริย์ แห่งกรุงลงกา – ปางนี้เป็นหลักในการจัด จารีต และ ขนบธรรมเนียม ประเพณีของสังคมอินเดีย พระรามในเรื่องรามายณะ ที่ไทยใช้เป็นต้นแบบของวรรณการชื่อดังเรื่องรามเกียรติ์ เรื่องนี้เราคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว รามเป็นหนึ่งในอวตารที่มีชื่อเสียงที่สุดในอวตารทั้งสิบ เป็นการอวตารมาตามคำท้าของนนทก ที่กล่าวว่าที่พระนารายณ์ชนะตนได้เนื่องจากเป็นเทพที่มีฤทธานุภาพมาก ไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่สามารถชนะตนที่มีนิ้วเพชรได้ พระนารายณ์จึงสาปให้นนทกไปเกิดใหม่ มีสิบหัวสิบหน้าและยี่สิบมือ สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ มีคทาและธนูเป็นอาวุธ ส่วนพระนารายณ์อวตารมาเป็น มนุษย์ มี 2 มือ ไม่มีฤทธิ์ จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของมหาสงครามสะท้านปฐพี ระหว่าง มนุษย์ ลิง กับยักษ์ อสูรพงศ์

พระนารายณ์อวตารปางที่ 8 กฤษณาวตาร หรือ กฤษณะอวตาร (Krishna)

พระนารายณ์อวตารเป็นพระกฤษณะ กษัตริย์จันทรวงศ์แห่งกรุงทวารกาในสมัยทวาบรยุค

อวตารปางที่ 8 ของพระนารายณ์หรือพระวิษณุ คือ พระกฤษณะ (Krishna) พระนารายณ์อวตารมาเป็นพระกฤษณะในเรื่องมหาภารตะ ปางนี้เป็นปางที่ได้รับการเคารพนับถือมากที่สุด โดยชาวฮินดูเชื่อว่าปางนี้เป็นปางที่ทรงพลังมากที่สุด ในบางนิกายจะนับว่าพระกฤษณะ เป็นเทพเจ้าสูงสุดโดยไม่เกี่ยวข้องกับพระนารายณ์ด้วยซ้ำไป

พระกฤษณะ เป็นกษัตริย์จันทรวงศ์ที่เฉลียวฉลาด แห่งกรุงทวารกาในสมัยทวาบรยุค ซึ่งศีลธรรมของชาวโลกลดลงเหลือเพียงหนึ่งในสอง เรื่องราวรายละเอียดหาดูได้จากบทที่สิบของคัมภีร์ภาควตะปุราณะและบทปลีกย่อย บางตอนในเรื่องมหาภารตะ เขามาเพื่อผดุงความยุติธรรมและจรรโลงธรรมะ โดยอยู่กับฝ่ายปาณฑพตลอดการสู้รบ แต่ทว่ากฤษณะไม่เคยจับอาวุธเลย พระกฤษณะใช้เล่ห์กลต่างๆ เพื่อเอาชนะฝ่ายเการพ ฝ่ายที่เป็นฝ่ายอธรรม (ถึงกระนั้นถ้าท่านใดเคยอ่านมหาภารตะ น่าจะทราบว่าฝ่ายเการพไม่ได้เลวบริสุทธิ์)

ในเรื่องมหาภารตะนี้ กฤษณะได้แสดงร่างที่แท้จริงของพระองค์ และเทศนาเรื่องภควัตคีตา อันเป็นหลักการที่สำคัญของศาสนาฮินดูให้แก่อรชุน

พระนารายณ์อวตารปางที่ 9 พุทธาวตาร หรือ พุทธอวตาร (Buddha)

พระนารายณ์อวตารเป็น พระโคตมพุทธเจ้า เพื่อนำศิวลึงค์คืนจากยักษ์ตรีปุรัมในสมัยกลียุค

อวตารที่สิบ กัลกยาวตาร หรือ กัลกิยาวตาร ป็นอวตารของพระนารายณ์ในอนาคต ยังไม่เกิดขึ้น แต่เป็นการทำนายอนาคตไว้ว่า ในยามที่เป็นปลายแห่งกลียุค ยุคสมัยที่ผู้คนไม่รู้จักธรรมะ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป โลกทั้งโลกต้องเผชิญกับยุคเข็ญไปทุกหย่อมหญ้า จะปรากฏ กัลกี บุรุษหนุ่มขี่ม้าขาว เขาจะทำลายทุกสิ่งที่ผิดคุณธรรมและปราบยุคเข็ญ ปัดเป่าบรรเทาความทุกข์ยาก และนำธรรมะกลับมาสู่มวลมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีอวตารอื่นๆ มากมายที่สอดแทรกใน 10 อวตารนี้ ซึ่งความแตกต่างนี้เกิดจากความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูแต่ละนิกายที่แตกต่างกัน ในทุกอวตารพระนารายณ์ พระลักษมีพระมเหสีของพระนารายณ์(พระวิษณุ) จะติดตามเสด็จลงไปด้วยทุกครั้ง

นักวิเคราะห์บางท่านวิเคราะห์ว่า อวตารทั้ง 10 ปาง นี้ เป็นเชิงสัญลักษณ์ที่แสดงถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลก จากสัตว์น้ำที่เป็นปลา (มัสยา) ไปเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่เป็นเต่า (กูรมะ) ต่อมาก็เป็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (วราหะและนรสิงห์) จนอวตารสุดท้าย เป็นมนุษย์ (อวตารที่ 5-10)

พระนารายณ์อวตารปางที่ 10 กัลกยาวตาร หรือ กัลกีอวตาร (Kalki)

พระนารายณ์อวตารเป็น กัลกี หรือ บุรุษหนุ่มขี่ม้าขาว

อวตารที่สิบ กัลกยาวตาร หรือ กัลกิยาวตาร เป็นอวตารของพระนารายณ์ในอนาคต ยังไม่เกิดขึ้น แต่เป็นการทำนายอนาคตไว้ว่า ในยามที่เป็นปลายแห่งกลียุค ยุคสมัยที่ผู้คนไม่รู้จักธรรมะ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป โลกทั้งโลกต้องเผชิญกับยุคเข็ญไปทุกหย่อมหญ้า จะปรากฏ กัลกี บุรุษหนุ่มขี่ม้าขาว เขาจะทำลายทุกสิ่งที่ผิดคุณธรรมและปราบยุคเข็ญ ปัดเป่าบรรเทาความทุกข์ยาก และนำธรรมะกลับมาสู่มวลมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีอวตารอื่นๆ มากมายที่สอดแทรกใน 10 อวตารนี้ ซึ่งความแตกต่างนี้เกิดจากความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูแต่ละนิกายที่แตกต่างกัน ในทุกอวตารพระนารายณ์พระลักษมี พระมเหสีของพระนารายณ์(พระวิษณุ) จะติดตามเสด็จลงไปด้วยทุกครั้ง

นักวิเคราะห์บางท่านวิเคราะห์ว่า การอวตารทั้ง 10 ปางของพระนารายณ์นี้ เป็นเชิงสัญลักษณ์ที่แสดงถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลก จากสัตว์น้ำที่เป็นปลา (มัสยา) ไปเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่เป็นเต่า (กูรมะ) ต่อมาก็เป็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (วราหะและนรสิงห์) จนอวตารสุดท้าย เป็นมนุษย์ (อวตารที่ 5-10)

บทสวดคาถาบูชาพระนารายณ์ (พระวิษณุ)

บทสวดบูชาพระนารายณ์ แบบย่อ

โอม นารายะณายะ นะมะ

คาถาพระนารายณ์เปิดโลก

โอม นะโม นารายณะ ฮะเรฮะราม กฤษณะ อิทธิฤทธะ
นะมะอะอุ อิสวาสุ สุสวาอิ จิตติ จิตตะ สะปะอิปิ อิทธิฤทโธ
วิโสธายิ อิติอิตัง อรหังพุทโธ นะโมพุทธายะ

พระคาถา พระวิษณุนารายณ์

โอม นะมัสวิษณุนารายณ์ สะวะหะ นะมะฮา (๙ จบ)

ลูกขอนอบน้อมคารวะสักการะบูชา พ่อวิษณุนารายณ์ ด้วยจิตศรัทธา มหาเทพแห่งการดูแลรักษาดำรงอยู่ คุ้มครอง มีการดูแลรักษาดำรงอยู่ครั้งย่อย และมีการดูแลรักษาดำรงอยู่ครั้งใหญ่ในธรรม

บัดนี้ ลูกขอตั้งจิตอธิษฐาน เจริญมุฑิตาจิต ดูแลรักษาดำรงอยู่ น้อมรับเจตนาของพ่อวิษณุนารายณ์ มีภูมิปัญญาในการดูแลรักษาดำรงอยู่

บัดนี้ ลูกขอน้อมถวายของบูชา (ชื่อของถวาย…) ขอองค์พ่อโปรดเมตตารับ และขอบารมีองค์พ่อฯ โปรดเมตตาประทานพร ขอถึงมหาเทพ พ่อวิษณุนารายณ์ เป็นสรณะ ขอปัญญา ความเข้าใจ ซึ้ง ประจักษ์ ในการดูแลรักษาดำรงอยู่แก่ลูก สันติสุข สาธุ สาธุ โอม

บทสวดคาถาบูชาพระนารายณ์ (พระวิษณุ) บทอื่นๆ และวิธีสัการะบูชาขอพรพระอินทร์ หรือท้าวสักกะเทวราช

พิกัดไหว้พระนารายณ์

  • รูปภาพพระนารายณ์ (พระวิษณุ)

รูปภาพพระนารายณ์ (พระวิษณุ)

  • รูปภาพพระนารายณ์ (พระวิษณุ)

Leave a comment